16.1.52

เมื่ออ่าน Twilight

ถ้าจะอ่าน blog นี้ ถือว่าคุณอ่านซีรี่ส์นี้จบอย่างน้อย 3 เล่มแล้วนะ – Twilight, New Moon, Eclipse

อ่านซีรี่ส์ Twilight ของ สเตฟานี ไมเยอร์ จบแล้ว 3 เล่ม เท่าที่มีภาษาไทย ออกจะเริ่มต้นช้าไปสักนิด แต่ฉันอ่านเร็ว เล่มแรกดีที่สุด Twilight คือคนเขียนเขาคงวางโครงเรื่องของทั้งชุดไว้แล้วน่ะแหละนะ แต่เล่มที่อ่านแล้วพึงพอใจที่สุดก็เล่มแรก อาจจะเพราะว่ายังไงจุดจบที่ดีของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ฉันอ่านหนังสือวรรณคดี บทกวีของฝรั่งในยุคหนึ่งเขาก็สรรเสริญมากที่สุดเรื่องความเป็นมนุษย์ หรือ mortality การที่มนุษย์สามารถตายได้ ส่วนสิ่งที่เป็นอมตะก็แล้วแต่ว่าเราจะเลือกอะไร อย่างเชคสเปียร์เลือกชื่อเสียง หรือคนอื่นเลือกความรัก หรืออะไรก็แล้วแต่ แม้กระทั่งวรรณคดีเกี่ยวกับเทพเจ้าของกรีก โรมัน ยังกล่าวไว้ว่า รู้ไหมว่าทำไมบรรดาเทพเจ้าทั้งหลายจึงได้ลงมาปั่นป่วนวุ่นวายกับมนุษย์นักหนา ก็เพราะว่าเทพเจ้าทั้งหลายนั้น อิจฉาความเป็นมนุษย์นั่นเอง จะมีอะไรทำลายความสุขของชีวิตอมตะนอกจากความเบื่อหน่าย ส่วนมนุษย์นั้น เนื่องจากชีวิตที่แสนสั้น ทุกคืนวันของมนุษย์จึงทำทุกอย่างให้เต็มที่เพื่อให้จบชีวิตลงอย่างมีความสุขที่สุด หรือดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ส่วนเทพเจ้านั้น ไม่มีวันแก่และตาย และไม่มีอะไรที่ไม่ได้ นอกจากการใช้ชีวิตแบบมนุษย์ นี่คือเหตุที่กวีทั้งหลายสรรเสริญความเป็นมนุษย์ หรือผู้ที่สามารถตายได้

เรื่องความรักของแวมไพร์กับมนุษย์ ความจริงมันขึ้นอยู่กับว่าผู้เขียนจะกำหนดคุณสมบัติแวมไพร์ว่าอย่างไร แต่โดยพื้นฐานอุปสรรคใหญ่คือความเป็นอมตะ มนุษย์เรานั้นอยากได้ความเป็นอมตะ ในขณะที่แวมไพร์ไม่เรียกร้องให้มนุษย์ที่รักละทิ้งความเป็นมนุษย์ ฉันเชื่อว่าความรักของแวมไพร์อย่างใน Twilight นั้นจะมองเห็นมนุษย์ที่เขารักแก่ชราและผ่านคืนวันไปจนตาย โดยที่รักเธอมากขึ้นทุกวันได้จริง หลังจากเธอตายไป ก็แล้วแต่แวมไพร์ว่าจะทำอย่างไร แต่การมองดูคนที่เรารักแก่ลงไปด้วยกันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเหมือนกัน คนที่ทุกข์ใจกว่าก็คือมนุษย์นั่นแหละที่คนข้างๆ ตัวไม่แก่เฒ่า ในที่สุดก็จะเข้าใจถึงความเจ็บปวดของสิ่งที่เรียกว่านิรันดร์กาล เมื่อตัวเองต้องตายไป

นางเอกของเราก็ยังเด็กมากเหลือเกิน เนื่องจากเป็นนิยายรักวัยรุ่น เมื่อคนวัยกลางคนมาอ่านก็ต้องชมเชยผู้เขียนว่าเขียนดี ถ่ายทอดอารมณ์ของวัยรุ่นได้ดีมากทีเดียว คือว่าเธอเด็กมาก เธอมีอย่างเดียวคือความงดงามตามวัย และเธอตัดสินใจทุกอย่างอย่างเป็นวัยรุ่นมาก คือใช้เหตุผลน้อย ใช้อารมณ์เยอะ ก็ว่ากันไป ผู้อ่านวัยกลางคนไม่ค่อยเข้าใจ เลยเบื่อๆ เธอเล็กน้อย แต่แฟนเธอก็ดีทีเดียว ช่วยกันเตือนสติได้ดี จะเห็นว่าข้ออ้างต่างๆ ที่เธอยกขึ้นมาเป็นเหตุผลเพื่อให้เธอได้เป็นอมตะกับข้อเท็จจริงนั้นไม่ค่อยเข้ากันนัก แต่แหม...อ่านดูแล้วพิจารณาดูดีๆ อีกทีละกันว่าจริงๆ หล่อนอยากได้อะไร และเหตุการณ์ทั้งหลายที่ทำให้เธอสติแตกนั้นล้วนเกิดจากตัวเธอเองทั้งสิ้น แต่ตอนที่เธออกหักก็เขียนดีนะ คนอ่านอกหักไปด้วยเลย

งานอย่างนี้เรียกว่าเป็นวรรณกรรม สิ่งที่เป็นวรรณคดีจะทำมากกว่านี้เล็กน้อย คือรวบรวมเอาเศษเสี้ยวที่นางเอกของเราบอกว่าเป็นรอยแผล เป็นชิ้นส่วนเว้าแหว่งในใจต่างๆ นานา มาชี้แจง ตีแผ่ ขับเคลื่อนไปให้เห็นความเป็นชีวิตอย่างเปิดเผย ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ทั้งหมดทั้งหลายของมนุษย์นั้นควรจะได้ประกอบขึ้นเป็นคนคนนั้น ความแตกต่างก็อยู่ที่ว่า ถ้าคนคนนั้นเป็นปีเตอร์ เป็นลูซี่ เป็นสมศักดิ์ เป็นสมหญิง หรือเป็นสตาลิน เป็นเหมาเจ๋อตุง เป็นสุนทรภู่ เป็นมาริลิน มอนโร impact หรือผลกระทบต่อมนุษยชาติก็อาจจะต่างกัน นิดหน่อย

เราก็คงต้องรอคอยต่อไปว่าผู้เขียนตีความความเป็นอมตะอย่างไรในเล่มสุดท้ายคือ Breaking Dawn เพราะฉันขี้เกียจอ่านภาษาอังกฤษ จะรออ่านภาษาไทย หวังว่าจะวางแผงเร็วๆ นี้ อีกอย่าง หนังเรื่อง Twilight นางเอกสวยดีนะ แต่พระเอกไม่หล่อเท่าในหนังสือ ...ก็ไม่เป็นไร ...

4.1.52

Nari in Moods...

กลับมาแล้ว ไปเที่ยวปีใหม่มาซะนาน สั่งทำไปป์อันใหม่มาแล้วด้วย เดี๋ยวจะเอามาอวด...
คราวนี้ลงอุปกรณ์สร้างความเคลิบเคลิ้มให้ดูก่อน
ไปป์หรือหม้อยาอันนี้ พ่อจาง เป็นชาวลัวะที่เชียงใหม่ ทำให้เป็นของขวัญ ทำจากไม้ขนุน อันเล็กกะทัดรัด ขอบเป็นเงินสลักลาย จะเห็นได้ว่าเยินๆ เพราะหัดใช้ก็เลยทำจนยับเยินไปบ้าง
ข้างๆ เป็น zippo รุ่นเดียวกับที่คุณตาเคยใช้ รุ่นพี่คนหนึ่งซื้อให้ รุ่นพี่อีกคนเอาไปขูดขีดให้ยับเยินเล็กน้อยเพื่อความเท่ เราไม่เห็นว่าเท่ แต่ไม่กล้าบอก กลัวรุ่นพี่เสียใจ...



นี่คือ cigarillos หรือซิการ์มวนเล็ก ขนาดเท่าบุหรี่ ที่เป็นของชอบของครอบครัว เป็นซิการ์ยี่ห้อดันเนอมันน์ ชื่อมูดส์ แบบมีฟิลเตอร์ รายละเอียดเขาบอกว่ามวนด้วยใบยาสุมาตรา (Sumatra) กลิ่นหอมมาก เพราะเขาเน้น Fine Aroma เคยสูบแบบที่ไม่มีฟิลเตอร์ ก็ดีเหมือนกัน แต่แบบมีฟิลเตอร์จะสบายกว่านิดหน่อย ตัวยาสุมาตราเอง จัดอยู่ในกลุ่ม speziale หรือยาสูบดีพิเศษของดันเนอมันน์ แต่แรงมาก สูบแล้วก็มึนๆดี แต่มูดส์เองดันเนอมันน์เขาก็โฆษณาว่าเป็นที่รักของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก มูดส์มีแบบ Golden taste ด้วยนะ กล่องจะขอบสีทอง แต่เราไม่ชอบ เราชอบแบบธรรมดานี้มากกว่า


(ขอบคุณภาพจาก http://www.dannemann.com/)


การสูบซิการ์นั้นไม่ระคายคอเท่าบุหรี่ แต่ก็เป็นของมีราคาแพง จึงควรสูบแต่พอประมาณ เช่น ขณะเครียดจัด ขณะโลกสวย ขณะทะเลาะกับมนุษยชาติ ขณะอยู่ในร้านกาแฟเลิศหรู และขณะนอนแสวงหาความเคลิบเคลิ้มอยู่บนที่นอน เป็นต้น... มูดส์มีแบบเป็นซิการ์ธรรมดาด้วย ยังไม่เคยลองเพราะมันตัวใหญ่ รู้สึกว่าสูบแล้วดูไม่ดีในที่สาธารณะ แต่จะไปหามาลองแล้วมาเล่าให้ฟัง เข้าใจว่าคงจะเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับซิการิลโล
ไปถามพี่ที่เขาเคยเรียน Spanish เขาบอกว่าอะไรที่ลงท้ายด้วย -rillo หรือทำนองนี้ หมายถึงของเล็กๆ คงเหมือนกับภาษาเยอรมันลงท้ายด้วยคำว่า -chen เช่น Maedchen เด็กสาวๆ Hundchen หมาน้อย Staedtchen เมืองเล็กๆ Beerchen เบียร์แก้วใหญ่มาก แต่เป็นคำแก้เขินของพวกนักศึกษาขี้เมาที่หาข้ออ้างดื่มเบียร์ตอนสิบโมง แกล้มกับการบ้าน ...
ออกจะนอกเรื่องไปเล็กน้อย แต่หวังว่าท่านคงจะเคลิบเคลิ้ม และดีขึ้นเมื่อได้ลองมูดส์